วิธีรักษารอยแดง รอยดำจากสิว

ทุบทุกจุดด่างดำ เคลียร์รอยแดงรอยดำบนใบหน้า

จุดด่างดำ หรือ รอยดำบนใบหน้า เป็นปัญหาผิวที่น่าเบื่อ อีกทั้งยังกวนใจสาวๆ ที่รักสวยรักงามและต้องการจะโชว์ผิวหน้าแบบไร้เมคอัพ โดยมีลักษณะจุดกลมๆ บนผิวหนัง มีสีเข้มกว่าสีผิวบริเวณอื่น จุดด่างดำเกิดจากเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนังทำงานมากขึ้นกว่าปกติ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นในทุกสีผิว สาเหตุหลักๆ มีทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งส่วนมากมาจากปัญหาการรักษาสิวไม่ถูกวิธี สิวหายแล้วทิ้งรอยดำ ทำให้ต้องแต่งหน้าปกปิด จะดีกว่ามั้ย ถ้าเรารู้สาเหตุและวิธีป้องกันจุดด่างดำที่เป็นอยู่ไม่ให้เกิดซ้ำ หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้จุดด่างดำที่มีอยู่จางลง รู้จักและเข้าใจปัญหานี้ เพื่อบอกลารอยดำบนใบหน้ากันดีกว่า

 

สาเหตุของจุดด่างดำ และรอยดำจากสิวบนใบหน้า

สาเหตุหลักๆ ของจุดด่างดำเกิดจาก ผิวบริเวณนั้นโดนแสงแดดมากขึ้นไปโดยไม่รับการปกป้องที่เพียงพอ อาจเกิดได้ทั้งบริเวณใบหน้า แขน ขา และลำตัว ส่วนจุดด่างดำอีกประเภท เกิดจากรอยแผลเป็นที่มาจากการอักเสบของผิว เช่น ผิวหนังถลอก ผิวที่เป็นสิว ผิวโดนของมีคมบาด หรือรอยผื่นผิวหนังอักเสบ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยใกล้ตัวอื่นๆ อีกด้วย เช่น

  • การถูกรังสี UVA UVB จากแสงแดดเข้าทำลายชั้นผิว
  • การเสื่อมสภาพของผิวไปตามวัย
  • ความเครียดและมลภาวะรอบตัว
  • ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง เช่น กำลังตั้งครรภ์
  • ผิวหนังได้รับการเสียดสีบ่อยๆ

และสำหรับจุดด่างดำยอดฮิต ที่ทิ้งไว้ต่างหน้าจากผิวเป็นสิวนั้นจะเห็นชัดๆ อยู่ 2 รูปแบบคือ รอยแดงและรอยดำ อาการและวิธีรักษาต่างกันอย่างไร เรามีคำตอบ

จุดด่างดำ รอยแดงรอยดำบนใบหน้า

รอยแดง

สำหรับรอยแดงบนใบหน้า มักเกิดหลังจากที่สิวหายแล้ว เกิดจากความอักเสบของผิวที่รอการฟื้นฟูตามธรรมชาติ โดยการลำเลียงเลือดไปยังผิวหนังที่อักเสบ ซึ่งรอยแดงสามารถหายได้เองใน 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับอายุและการหลีกเลี่ยงปัญหาข้างต้น ในปัจจุบันมีวิธีรักษารอยแดงจากสิวที่จะช่วยบรรเทาอาการและช่วยให้รอยสิวหายเร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้เซรั่ม ครีม ไปจนถึงการเลเซอร์ แน่นอนว่าการรักษารอยแดงให้ถูกวิธีจะทำให้หน้าของคุณกลับมาเนียนใสได้
จุดด่างดำ รอยแดงรอยดำบนใบหน้า

รอยดำ

สำหรับรอยดำนั้น เกิดจากการอักเสบ และ ระคายเคืองของผิวหนัง การรบกวนผิวหน้ามากเกินไปอย่างการทำเลเซอร์ หรือการลอกหน้า ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เมลาโนไซด์เกิดการกระตุ้น จนมีการผลิตเมลานินมากกว่าปกติ ทั้งนี้รอยดำยังมาจากสาเหตุอื่นๆ ได้อีก เช่น การเลเซอร์รักษาสิว อาจเกิดรอยดำหลังรักษาได้, การถูกมีดหรือของมีคมบาด, การโดนแมลงกัดต่อย ทั้งนี้ยังรวมไปถึงอาการแพ้ เกิดผื่นผิวหนังอักเสบ

วิธีป้องกันการเกิดจุดด่างดำ รอยดำจากสิวบนใบหน้า

เนื่องจากรอยดำจากสิวเป็นการเกิดบริเวณชั้นผิวหนังแท้ ทำให้การรักษายากและใช้เวลานานกว่ารอยแดง หากรักษาผิดวิธีหรือปล่อยทิ้งไว้ อาจจะทำให้กลายเป็นรอยดำที่เด่นชัดถาวรได้ การแก้ที่ต้นเหตุจึงดีที่สุด แต่หากใครที่เป็นแล้ว ก็สามารถดูแลรักษาให้จางลงด้วยครีมดูแลรอยดำโดยเฉพาะ หรือ การทำหัตถากรรมควบคู่ได้ สำหรับใครที่อยากมีผิวใส ไร้จุดด่างดำแบบยั่งยืน ต้องทำตามนี้เลย

1. หลีกเลี่ยงการบีบหรือกดสิวด้วยตนเอง
เราสามารถเคลียร์สิวได้แต่ควรเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังดูแลโดยเฉพาะ เพราะการกด บีบ หรือ เค้นที่ผิดวิธี จะทำให้ผิวอักเสบ และมีโอกาสติดเชื้อเป็นหนอง ลุกลามในบริเวณกว้างเพิ่มขึ้นได้ เมื่อสิวขึ้นมากรอยแดงรอยดำก็ตามมามากเช่นกัน

2. หมั่นทากันแดดและหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง
แสงแดดเนี่ยหล่ะตัวกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้จุดด่างดำเกิดขึ้นได้ง่าย การทาครีมกันแดดจึงสำคัญมาก แนะนำให้ใช้ 2 ข้อนิ้วทาบริเวณใบหน้าและลำคอเป็นประจำ และหากไปเที่ยวหรือออกทริปก็ต้องทาซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง ที่สำคัญเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 และ PA ++ จะดีมาก

3. รับประทานอาหาร หรือ วิตามินบำรุงผิว
ผักผลไม้สามารถช่วยลดการอักเสบของผิวหนังได้ ลองเลือกผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แตงโม มะละกอ หรือ มัลเบอร์รี่ เป็นประจำ ก็จะทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นได้อีกด้วย

 

4. อย่าปล่อยให้ผิวขาดน้ำ
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว หลายคนอาจไม่ทราบว่าผิวขาดน้ำจะยิ่งทำให้เกิดสิวอุดตัน เนื่องจากต่อมไขมันจะผลิตน้ำมันออกมาเพื่อทดแทนน้ำที่หายไป เมื่อผลิตมากเกินความจำเป็น ทำให้รูขุมขนอุดตันจนเป็นสิวในที่สุด เพราะแบบนี้จึงไม่ควรปล่อยให้ผิวแห้งขาดน้ำเป็นเด็ดขาด

 

วิธีบอกลารอยดำจากสิวบนใบหน้า

1. ใช้ครีมรักษาจุดด่างดำโดยเฉพาะ หลังจากดูแลผิวให้ชุ่มชื้นแล้ว การใช้ครีมที่รักษารอยดำรอยแดงเฉพาะจุด จะช่วยให้ผิวคุณกลับมากระจ่างใสได้เร็วขึ้น ซึ่งในปัจจุบันส่วนผสมที่ช่วยรักษารอยดำรอยแดงที่ได้รับความนิยม จะมีดังนี้

  • Niacinamide วิตามินในกลุ่มวิตามินบี คอมเพล็กซ์ ฟื้นฟูและบำรุงผิวได้อย่างครอบคลุม ช่วยลดเลื่อนจุดด่างดำ รอยดำรอยแดงจากสิวให้จางลง และปรับให้สีผิวดูสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
  • Vitamin C cream ช่วยลดการอักเสบและป้องกันรอยแดงที่เกิดจากสิว ทั้งยังช่วยลดรอยแดงที่เกิดจากรังสี UV ได้อีกด้วย
  • Kojic acid สามารถพบได้ตามธรรมชาติ ผลิตจากเชื้อราที่ชื่อว่า Aspergillus oryzae ปัจจุบันมักใช้รักษาฝ้าและลดจุดด่างดำ รักษารอยดำจากสิว
  • Glycolic Acid กรดไกลโคลิค เป็นกรดผลไม้มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว สามารถลดรอยดำที่เกิดจากสิว ช่วยให้ฝ้า กระ จางลงทำให้ผิวกระจ่างใส และช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

2. การรักษาด้วยเลเซอร์ ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเลเซอร์สามารถรักษารอยแดงจากสิว รอยดำ และหลุมสิวได้ ทั้งยังปลอดภัยและไม่รู้สึกเจ็บมาก โดยเลเซอร์ที่ใช้รักษาจะไปกระตุ้นให้เซลล์ผิวเกิดใหม่ เพื่อมาทดแทนรอยแผลเดิม ซึ่งเป็นการรักษารอยดำรอยแดงที่เกิดในบริเวณผิวชั้นบนและชั้นกลางเท่านั้น

3. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางและทำตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะรอยแดงรอยดำต้องใช้เวลาและความอดทนสูง ไม่ว่าจะเป็นวิธีดูแลผิวควรทำอย่างไร การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประจำวันเพื่อให้การรักษารอยสิวได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 

การดูแลผิวให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี นอกจากจะต้องมีวินัยและใช้เวลาแล้ว ถ้าเราเข้าใจต้นตอของปัญหาที่แท้จริง ก็จะช่วยให้ปัญหาผิวของเราลดน้อยลงได้ โดยเฉพาะเรื่องของจุดด่างดำและรอยแดงรอยดำกวนใจ แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลีกเลี่ยง แต่หากปฎิบัติตามนี้เป็นประจำ ผิวของเราจะสวยใสไร้จุดด่างดำแน่นอน  

 

ทิปส์ที่น่าสนใจสำหรับคุณ