4. ออกกำลังกายคาร์ดิโอเป็นประจำ
ควรออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยให้เลือดลมสูบฉีด หลอดเลือดได้ฟิตเฟิร์มตลอดเวลา ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ฮอร์โมนทำงานได้อย่างปกติ และ ช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยอันควร
5. อาบน้ำในอุณหภูมิที่เหมาะสม
อุณหภูมิน้ำต้องไม่ร้อนจนเกินไป จะทำให้ผิวชั้นบนไม่ถูกทำร้ายจากความร้อน หรือเมื่ออาบน้ำเสร็จควรบำรุงด้วยออยล์ หรือครีมบำรุงผิวทันที
วิธีรักษาริ้วรอย ด้วยหัตถการทางแพทย์
1. รักษาด้วยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency therapy)
วิธีรักษาริ้วรอยด้วยคลื่นวิทยุ เป็นกระบวนการที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ซึ่งช่วยให้ผิวหน้าดูกระชับและริ้วรอยบนใบหน้าดูจางลงได้
2. รักษาด้วยการฉีดโบท็อกลดริ้วรอย
การฉีดโบท็อกเป็นวิธีการที่ทำให้ผิวดูกระชับ เรียบเนียน ดูเต่งตึงขึ้น ช่วยให้ริ้วรอยรอบดวงตา หน้าผาก และหางตารวมถึงตีนกาดูจางลง สามารถเห็นผลเร็ว
3. รักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ลดริ้วรอย
การฉีดฟิลเลอร์เป็นอีกวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ร่องลึก และผิวหนังหย่อนคล้อยได้ดีสามารถเห็นผล
ทันที โดยที่สาร
Hyaluronic Acid จะไปช่วยปรับสภาพผิว
และช่วยเติมเต็มริ้วรอยต่าง ๆ ให้เต่งตึง
ทำให้ผิวหน้าดูกระชับมากยิ่งขึ้น
4. รักษาด้วยการทำเมโสหน้าใส
เมโสหน้าใส คือการฉีดวิตามินบำรุงผิวที่สกัดจากสารต่างๆเช่น กลูต้าไธโอน, คอลลาเจน, วิตามินเอ, วิตามินอี และวิตามินซี เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้แกผิว ไม่ให้ผิวหยาบกระด้าง รูขุมขนดูกระชับ และช่วยลดรอยสิวที่เกิดจากสิวอักเสบให้ผิวดูมีสุขภาพดีและเรียบเนียนขึ้น
5. รักษาด้วยการทำ HIFU
HIFU Macrofocus คือเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ไม่ต้องใช้เข็มหรือการผ่าตัด โดยใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์เพื่อยกกระชับผิวและลดริ้วรอยในระดับลึกของผิวหนังโดยยิงคลื่นไปใต้ชั้นผิว เพื่อไปกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนใต้ผิวหนัง ซึ่งช่วยลดริ้วรอย และความหย่อนคล้อยลงได้
การดูแลผิวหน้าให้อ่อนเยาว์ ลดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม, ริ้วรอยระหว่างคิ้ว, รอยตีนกา และรอยย่นหน้าผาก เป็นสิ่งที่เราสามารถดูแลได้ในทุก ๆ วัน เริ่มต้นจากการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิวและหันมาดูแลผิวให้ชุ่มชื้นและป้องกันผิวจากแสงแดด
คำถามที่พบบ่อย
- Q: ริ้วรอยเกิดจากสาเหตุอะไร
A: ริ้วรอยเกิดจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกร่างกาย โดยปัจจัยภายในที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ อายุที่เพิ่มขึ้นทำให้การผลิตสารสำคัญอย่างคอลลาเจน อิลาสติน และกรดไฮยาลูรอน ลดลง 1-2% ทุกปีเมื่ออายุเกิน 25 ปี รวมถึงปัจจัยทางกรรมพันธุ์ ส่วนปัจจัยภายนอกที่เร่งให้เกิดริ้วรอยเร็วขึ้นได้แก่ การสัมผัสแสงแดด มลภาวะ อนุมูลอิสระ ความเครียด รวมถึงพฤติกรรมการดื่มสุราและสูบบุหรี่
- Q: อายุเท่าไรถึงเริ่มมีปัญหาริ้วรอย
A: ปัญหาริ้วรอยสามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงอายุ แต่มักจะเป็นปัญหาที่มากขึ้นเมื่อเข้าสู่วัย 25 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงที่คอลลาเจนที่ผิวหนังเริ่มลดลง ทำให้ริ้วรอยเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามการเกิดริ้วรอยมีปัจจัยอื่น ๆ เช่นกัน อย่างการไม่ทาครีมกันแดดเมื่อออกไปเจอแสง UV, การสูบบุหรี่ หรือการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
- Q: การหัวเราะบ่อยเป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยหรือไม่
A: การหัวเราะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยโดยตรง แต่การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าขณะหัวเราะอาจทำให้เกิดริ้วรอยชั่วคราวบนใบหน้าได้ ซึ่งริ้วรอยเหล่านี้จะหายไปเมื่อหยุดหัวเราะและกล้ามเนื้อกลับสู่สภาพปกติ อย่างไรก็ตาม หัวเราะเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพและอารมณ์ของเรา ดังนั้นไม่ควรกังวลว่าการหัวเราะจะทำให้เกิดริ้วรอย
- Q: การล้างหน้าหลายครั้งต่อวันทำให้เกิดริ้วรอยหรือไม่
A: การล้างหน้าหลายครั้งต่อวัน จริง ๆ แล้วไม่ใช่สาเหตุทำให้เกิดริ้วรอย หากเป็นการล้างหน้าที่เอาสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่บนผิวหน้าออก เช่น ความมัน อย่างไรก็ตามการล้างหน้าวันละ 2 ครั้งถือว่าเหมาะสมที่สุด เพราะการล้างหน้าบ่อยๆ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสารเคมีที่เข้มข้นอาจส่งผลให้ผิวหน้าแพ้ หรือผิวบางลงได้ ดังนั้นควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมกับประเภทผิวของคุณ
- Q: กินวิตามินอะไรถึงช่วยลดริ้วรอยได้
A: วิตามินที่มีประสิทธิภาพในการช่วยลดริ้วรอยมีหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินซีที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและต้านอนุมูลอิสระ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินอี (Vitamin E) ที่ช่วยปกป้องผิวจากความแก่ชรา โคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10) ที่ช่วยซ่อมแซม และรักษาพลังงานในเซลล์ผิวที่ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นสามารถลดเลือนริ้วรอยได้ และ แอสต้าแซนธิน (Astaxanthin) ที่ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากจากสารอนุมูลอิสระ และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวมีความยืดหยุ่น ลดริ้วรอย
อ้างอิง : https://www.bdmswellness.com/knowledge/5-vitamins-to-strengthen-your-skin