สาเหตุหน้าแก่ก่อนวัย ที่คุณเผลอทำโดยไม่รู้ตัว

สาเหตุหน้าแก่ก่อนวัย ที่คุณเผลอทำโดยไม่รู้ตัว

หน้าแก่ก่อนวัยเป็นปัญหาใหญ่ที่หลาย ๆ คนไม่อยากพบเจอ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่อายุยังไม่ถึง 30 เพราะปัญหาผิวที่เสื่อมสภาพลงจึงทำให้หน้าดูแก่ก่อนวัย ทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า, ผิวหย่อนคล้อย และสีผิวไม่สม่ำเสมอ ทั้งหมดนี้เมื่อเกิดขึ้นกับใครก็คงสร้างความกังวลใจให้ไม่มากก็น้อย เพราะเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าผิวหนังมักเสื่อมสภาพลงไปตามกาลเวลา ฟื้นฟูกลับมาได้ยาก เพราะความแก่ของผิวหนังเกิดจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวหนัง และเนื้อเยื่อที่เป็นไปตามวัย รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิต การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมที่ต้องเผชิญกับมลภาวะ เช่น แสงแดด ที่มีทั้งรังสี UVA UVB ส่งผลกระทบต่อผิวทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้หน้าแก่ก่อนวัยได้

สารบัญบทความ

  • หน้าแก่ หน้าแก่ก่อนวัย เกิดจากสาเหตุอะไร?
  • 10 สาเหตุที่ทำให้ หน้าแก่ ก่อนวัย
  • 7 วิธีป้องกันหน้าเหี่ยว หน้าแก่ก่อนวัย
  • คำถามที่พบบ่อย

หน้าแก่ หน้าแก่ก่อนวัย เกิดจากสาเหตุอะไร?

ผิวหนังของคนเราจะเปลี่ยนแปลงไปตามวัย ยิ่งมีอายุมากขึ้น ผิวหนังมักจะบางลงและหย่อนคล้อยได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ ได้ดังนี้

1. อายุที่เพิ่มมากขึ้น

อายุที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ไขมันที่สะสมใต้ผิวหนังบริเวณต่าง ๆ เช่น หน้าผาก แก้ม รอบดวงตา และรอบปาก เริ่มลดลง รวมถึงร่างกายลดการผลิตคอลลาเจนใหม่ถึงปีละ 1% ทำให้เมื่ออายุมากขึ้นผิวจะค่อย ๆ ขาดความชุ่มชื้น, ขาดความเต่งตึง, ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น และดูหย่อนคล้อย

2. แสงแดด

เป็นปัจจัยแวดล้อมภายนอกที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะแสงแดด มีรังสี UVA และ UVB ที่เป็นตัวหลักการในการทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังทำให้หน้าเหยี่ยวย่น หมองคล้ำ รวมไปถึงมลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่นละออง ที่เข้าไปสะสมอยู่ในเซลล์ผิวทำให้เซลล์ในร่างกายเสื่อมสภาพลง

3. การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสม

เมื่ออายุมากขึ้นต้องยิ่งดูแลผิวให้มากขึ้น เพราะผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบเดิมไม่ตอบโจทย์กับสภาพผิวในวัยนั้น ๆ จึงควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว รวมทั้งการเลือกใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่มีส่วนประกอบของน้ำเพื่อให้ความชุ่มชื้น แต่ไม่เหนอะหนะผิว และมีส่วนผสมที่ช่วยเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวหนังอย่างกลีเซอรีน (Glycerin) และควรมีส่วนผสมของ AHA, เรตินอยด์ (Retinoid) และวิตามินซี (Vitamin C) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง ช่วยลดเลือนริ้วรอย


สาเหตุหน้าแก่ก่อนวัย ที่คุณเผลอทำโดยไม่รู้ตัว

4. ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่

การดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ รวมถึงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทำผิวพรรรณซีด ผิวหมอง ทำให้ดูแก่กว่าอายุ ผิวหย่อนยาน และผิวแห้งกร้าน เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขับน้ำออกมากกว่าปกติ ทำให้หน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส

5. ความเครียดสะสม

เมื่อมีความเครียดสะสมร่างกายร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือที่เรียกกันว่า“ฮอร์โมนความเครียด” ออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ เมื่อมีอนุมูลอิสระมากเกินไปจะส่งผลให้ร่างกายกำจัดออกไปได้ไม่หมด อนุมูลอิสระนี้เป็นตัวการสำคัญที่ไปทำลายเซลล์ผิว อีกทั้งยังทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินที่เป็นตัวช่วยทำให้ผิวเด้ง เต่งตึง นั้นสลายตัว นำไปสู่ภาวะที่ผิวขาดความชุ่มชื้น ขาดความยืดหยุ่น และมีริ้วรอยเกิดขึ้นได้


สาเหตุหน้าแก่ก่อนวัย ที่คุณเผลอทำโดยไม่รู้ตัว

6. การพักผ่อนไม่เพียงพอ

ช่วงกลางคืนที่นอนหลับพักผ่อนร่างกายจะหลั่ง Growth Hormone ออกมาเพื่อช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หากพักผ่อนไม่เพียงพอเซลล์ผิวหนังจะไม่ได้รับการฟื้นฟู ไม่สามารถผลิตเซลล์ผิวใหม่ได้ ทำให้ผิวหนังเหี่ยว มีริ้วรอย และแก่ก่อนวัยได้

7. แต่งหน้าทุกวันขาดการพักผิว

การแต่งหน้าหนักทุกวันและพักผิวน้อย เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวแก่เร็วและเสื่อมสภาพก่อนวัย เนื่องจากการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารเคมีมากเกินความจำเป็น ทำให้ผิวไม่มีเวลาฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติ จึงแสดงอาการหมองคล้ำและเหี่ยวย่นได้ง่าย ดังนั้นควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่อ่อนโยนและเหมาะสมกับสภาพผิว รวมถึงหมั่นทำความสะอาดผิวหน้าและบำรุงให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวได้พักผ่อนและฟื้นตัวได้ทัน

8. ติดกินของหวาน

การทานของหวานและอาหารที่มีแป้งขัดขาวเป็นประจำ เช่น ขนมเค้ก ขนมปัง คุกกี้ อาจทำให้ผิวหน้าเกิดริ้วรอยและแก่เร็วกว่าที่ควร เพราะน้ำตาลที่ได้รับเข้าไปในปริมาณมากเกินความต้องการของร่างกาย ทั้งจากการบริโภคน้ำตาลโดยตรงหรือจากการย่อยแป้ง จะเข้าสู่กระแสเลือดในรูปของกลูโคสและฟรุกโตส และเกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า Glycation กับโครงสร้างโปรตีน ไขมัน และดีเอ็นเอ กลายเป็นสาร AGE (Advanced Glycation End Products) ซึ่งจะไปทำลายโครงสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ แห้งกร้าน หย่อนคล้อย เกิดจุดด่างดำและริ้วรอยได้ง่าย จึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานของหวานและแป้งขัดขาวปริมาณมาก ๆ เพื่อชะลอการเกิดผิวแก่ก่อนวัย

9. ดื่มน้ำน้อย

การดื่มน้ำไม่เพียงพอในแต่ละวันจะทำให้ร่างกายขับถ่ายของเสียได้ไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิวโดยตรง เพราะเมื่อร่างกายไม่สามารถกำจัดสารพิษและของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ เซลล์ผิวจะถูกทำลาย นำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ เช่น ผิวแก่ก่อนวัย มีริ้วรอย สีผิวหมองคล้ำไม่สดใส รวมถึงปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาอีกด้วย

10. การสัมผัสความร้อน

แม้ความร้อนจะไม่ได้ทำให้ผิวแก่โดยตรงเหมือนกับแสงแดด แต่การสัมผัสความร้อนบ่อยๆ เช่น การอยู่ใกล้เตาไฟหรือความร้อนจัด ๆ ก็สามารถส่งผลเสียต่อผิวหน้าได้เช่นกัน เพราะความร้อนจะไปกระตุ้นการทำงานของเม็ดสีในผิว ทำให้เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำได้ง่าย ซึ่งถือเป็นสัญญาณหนึ่งของการมีผิวหน้าที่ดูแก่ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน

7 วิธีป้องกันหน้าเหี่ยว หน้าแก่ก่อนวัย

รู้สึกว่าผิวหน้าเหี่ยว แก่ก่อนวัย? อย่าเพิ่งกังวลมากจนเกินไป มาดูวิธีที่จะช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์กว่าวัย และชะลอการเกิดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพกัน

1. ปกป้องผิวจากแสงแดด

ด้วยการทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป รวมถึงการสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด หรือสวมหมวกเมื่อต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง สามารถป้องกันการทำร้ายผิวได้

2. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับวัย เหมาะกับสภาพผิว

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับวัยโดยเฉพาะวัย 30+ ที่เริ่มมีปัญหาผิวมากขึ้นเริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ ผิวเริ่มแห้งหยาบกร้านขึ้น และผิวเสียสมดุลง่ายขึ้น การเลือกผลิตภัณฑ์จึงต้องการ Antioxidant สูง และ Moisturizer ที่เข้มข้นขึ้นให้กับผิว เพื่อปกป้องผิวไม่ให้แห้งและมีริ้วรอยมากขึ้น อย่าง ผลิตภัณฑ์ นีเวีย ลูมินัส630 แอนตี้เอจ แอนด์ สปอต เซรั่ม (NIVEA luminous 630 anti-age & spot serum) ด้วยสารไทอามิดอล (Thiamidol)สารไบรท์เทนนิ่งที่ทรงประสิทธิภาพพร้อม 2 พลัง ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้ดูกระชับ ลดเลือนริ้วรอยร่องลึก และฝ้าแดดจุดด่างดำสะสม โดยไม่เกิดผลข้างเคียง จัดการได้ลึกถึงต้นตอฟื้นฟูผิวให้ดูสม่ำเสมอ เรียบเนียน อ่อนเยาว์ มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนเข้มข้น สารสกัดจากถั่วเหลือง และ วิตามินอี ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง


3. ผ่อนคลายความเครียด

สามารถผ่อนคลายความเครียดได้ง่าย ๆ โดยการเดินทางเที่ยวพักผ่อน ฟังเพลง อ่านหนังสือ ชอปปิง ดูหนัง หรือเล่นโยคะ รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยผ่อนความเครียดได้เป็นอย่างดี

4. พักผ่อนให้เพียงพอ

ควรนอนก่อน 4 ทุ่ม และนอนหลับให้ได้ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้พัก และอวัยวะภายในได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ รวมถึงผิวจะได้มีการสร้างและผลิตเซลล์ผิวใหม่

5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

การดูแลสุขภาพจากภายในก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และอุดมด้วยสารอาหารครบถ้วน ทั้งผัก ผลไม้ที่ให้วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร คาร์โบไฮเดรตดีจากข้าวกล้อง โปรตีนจากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และไขมันดีจากอะโวคาโดหรือถั่วต่าง ๆ พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันไม่ดีสูง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวเร่งให้ผิวหน้าเหี่ยวย่นเร็วกว่าวัย เพราะการดูแลสุขภาพจากภายในเช่นนี้จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของทรีตเมนต์ต่าง ๆ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

6. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบหลักของร่างกายที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว และยังช่วยชะลอการเสื่อมสลายของคอลลาเจน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน เพื่อให้ผิวพรรณสดใส ไม่หมองคล้ำ และลดโอกาสการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร การดื่มน้ำสะอาดอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้มีผิวสวยสุขภาพดีได้ในระยะยาว

7. ล้างหน้าอย่างถูกวิธี

การล้างหน้าให้ถูกวิธีก็เป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันริ้วรอยก่อนวัย ควรล้างหน้าอย่างนุ่มนวลและทะนุถนอม ไม่ถูหรือขัดผิวหน้าแรงเกินไป เพราะจะไปทำลายอีลาสตินในผิวหนัง ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น เมื่ออีลาสตินถูกทำลาย ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นและเกิดช่องว่างให้มลภาวะแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย ส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยในที่สุด การล้างหน้าอย่างถูกวิธีจึงเป็นการป้องกันความเสื่อมของผิวได้ตั้งแต่ขั้นตอนพื้นฐาน

หน้าแก่ก่อนวัย หรือผิวเสื่อมสภาพเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นผิวย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งดูแลผิวอย่างถูกต้องเหมาะสมเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิว สามารถใช้ผลิตภัณฑ์นีเวียขวดแดง นีเวีย ลูมินัส630 แอนตี้ เอจ แอนด์ สปอร์ต เซรั่ม ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ร่วมกับการลดพฤติกรรมเสี่ยงสามารถชะลอความแก่ของผิว ช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวให้แข็งแรงได้

คำถามที่พบบ่อย

  1. Q: จะรู้ได้อย่างไรว่าเราหน้าแก่
    A: สามารถสังเกตสัญญาณแรกของความแก่บนใบหน้าได้จากหลายจุด เช่น การเกิดริ้วรอยรอบดวงตาที่จะเห็นชัดเวลายิ้มหรือหัวเราะ (รอยตีนกา) ร่องใต้ตาที่ดูลึกและคล้ำขึ้นจนทำให้ดวงตาดูโทรมเหมือนคนอดนอน ผิวแก้มที่เริ่มหย่อนคล้อยและมีร่องแก้มชัดเจน นอกจากนี้ยังสังเกตได้จากผิวหน้าที่ดูแห้งกร้าน ไม่สดใส หมองคล้ำ รวมถึงบริเวณริมฝีปากที่มักจะมีมุมปากตก ริมฝีปากแห้งไม่อวบอิ่ม และมักมีปัญหาลิปสติกตกร่องบ่อยๆ
  2. Q: แต่งหน้าทุกวันทำให้หน้าแก่จริงไหม
    A: การแต่งหน้าทุกวันโดยไม่ให้ผิวได้พักเลยนั้น สามารถเร่งให้ใบหน้าแก่เร็วกว่าปกติได้จริง เพราะเครื่องสำอางที่เราใช้จะเข้าไปอุดตันรูขุมขน ทำให้ผิวไม่สามารถหายใจได้ตามธรรมชาติ ดังนั้น หากต้องแต่งหน้าเป็นประจำ ควรให้ความสำคัญกับการล้างเครื่องสำอางให้สะอาดหมดจด และควรมีวันที่ปล่อยให้ผิวได้พักบ้าง เพื่อให้ผิวได้ฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและความร่วงโรยก่อนวัยได้
  3. Q: หน้าแก่ก่อนวัยรักษาอย่างไร
    A: การรักษาและป้องกันปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยสามารถทำได้หลายวิธี โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การงดสูบบุหรี่ที่ทำร้ายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ทั้งผักผลไม้ โปรตีน และไขมันดีจากธรรมชาติ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพออย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวันเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว และที่สำคัญต้องพักผ่อนให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน เพราะช่วงเวลานอนเป็นช่วงที่ร่างกายจะฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวได้ดีที่สุด
  4. Q: การกินกาแฟทำให้หน้าแก่จริงไหม
    A: การดื่มกาแฟเป็นประจำทุกวันส่งผลให้หน้าแก่เร็วขึ้นได้จริง เพราะคาเฟอีนในกาแฟจะไปดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการบำรุงผิวออกจากร่างกาย ส่งผลให้ผิวพรรณเหี่ยวย่นและดูแก่เร็วกว่าที่ควร
  5. Q: กินอะไรช่วยทำให้หน้าไม่แก่
    A: ควรกินอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะผักใบเขียวอย่างอะโวคาโด ผักโขม ผักปวยเล้ง คะน้า รวมถึงปลาทะเลที่มีประโยชน์อย่างปลาทูน่า แมคเคอเรล และปลาแซลมอน และอย่าลืมเพิ่มผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และราสเบอร์รี่ ที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี
  6. Q: ผู้ชายหรือผู้หญิง เพศไหนหน้าแก่เร็วกว่ากัน
    A: เมื่อพูดถึงความเสี่ยงในการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ผู้หญิงมักมีโอกาสเผชิญปัญหานี้มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากผิวของผู้ชายมีการผลิตน้ำมันตามธรรมชาติมากกว่า ทำให้มีชั้นไขมันเคลือบผิวที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นได้ดีกว่า ส่งผลให้ผิวหน้าของผู้ชายมีแนวโน้มเกิดริ้วรอยช้ากว่า ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลผิวและป้องกันริ้วรอยอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำในผิว

ทิปส์ที่น่าสนใจสำหรับคุณ