เคล็ด(ไม่)ลับแก้ปัญหาผิวหน้าเหี่ยวย่นให้เห็นผลจริง

เคล็ด(ไม่)ลับแก้ปัญหาผิวหน้าเหี่ยวย่นให้เห็นผลจริง

ปัญหาผิวหน้าหน้าเหี่ยว ริ้วรอย รวมถึงหน้าแก่ในวัยก่อน 30 และ อายุ 30+ เป็นปัญหาที่กวนใจหลาย ๆ คนเป็นอย่างมาก ส่งผลกระทบด้านความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงควรดูแลแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด จะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สารบัญบทความ

  • หน้าเหี่ยวย่น มีริ้วรอย เกิดจากอะไร?
  • วิธีป้องกัน และดูแลรักษาหน้าเหี่ยวย่นลดริ้วรอย
  • 6 หัตถการรักษาหน้าเหี่ยวย่น แก้หน้าเหี่ยวก่อนวัย
  • คำถามที่พบบ่อย

หน้าเหี่ยวย่น มีริ้วรอย เกิดจากอะไร?

การเกิดผิวหน้าเหี่ยวย่นและมีริ้วรอยนั้น เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน ดังนี้

1. อายุเพิ่มขึ้น

เมื่อเข้าสู่วัย 30+ เป็นช่วงอายุที่ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยเฉพาะด้านสภาพร่างกาย คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพส่งผลทำให้เกิดปัญหาผิวเหี่ยวย่น ริ้วรอยและความหย่อนคล้อยขึ้นได้


เคล็ด(ไม่)ลับแก้ปัญหาผิวหน้าเหี่ยวย่นให้เห็นผลจริง

2. แสงแดง และสภาพแวดล้อม

แสงแดดมีทั้งรังสี UVA และ UVB รวมถึงมลภาวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ควัน จากท่อไอเสียต่าง ๆ ซึ่งส่งผลต่อสภาพผิวได้โดยตรง ทำให้ผิวหน้าเสื่อมสภาพเร็ว, ผิวแห้งกร้าน, ขาดความชุ่มชื่น และทำให้ความยืดหยุ่นของผิวลดลง นำมาสู่ริ้วรอย และรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควรได้

3. การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์

อาหารที่รับประทานเข้าไปในร่างกาย ล้วนส่งผลต่อร่างกายทั้งภายใน และภายนอกโดยตรง การรับประทานอาหารไม่มีประโยชน์ เช่น อาหารประเภท Junk food, อาหารประเภทแป้ง, ไขมัน และน้ำตาล มีส่วนทำให้ผิวเหี่ยวย่นได้ง่ายขึ้น เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เซลล์ผิวเกิดการอักเสบ ส่งผลต่อคอลลาเจน และอิสลาเจนเสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้นได้

4. การดื่มน้ำไม่พอเพียง

การดื่มน้ำสะอาดช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวได้ หากดื่มน้ำไม่เพียงพอจะส่งผลให้เซลล์ผิวเหี่ยว ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้


เคล็ด(ไม่)ลับแก้ปัญหาผิวหน้าเหี่ยวย่นให้เห็นผลจริง

5. ความเครียดสะสม

ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ตัวการที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่ไปทำลายเซลล์ผิว ซึ่งทั้งหมดส่งผลต่อผิวทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

6. การพักผ่อนไม่เพียงพอ

การอดหลับอดนอน พักผ่อนไม่เป็นเวลา รวมถึงพฤกรรมการใช้ชีวิต เช่น การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ ส่งผลต่อสุขภาพผิวโดยตรง หากร่างกายได้พักผ่อนเพียงพอ จะช่วยกระตุ้นในการสร้างเซลล์ผิว ในขณะที่กำลังนอนหลับเซลล์ผิวจะเริ่มกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์เก่าที่ผลัดถูกออกไปตามกระบวนการของร่างกาย

วิธีป้องกัน และดูแลรักษาหน้าเหี่ยวย่นลดริ้วรอย

ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าเหี่ยวย่น มีริ้วรอย และหย่อนคล้อย ต้องการรักษาให้ผิวกลับมาเต่งตึงอีกครั้ง ดังนี้


เคล็ด(ไม่)ลับแก้ปัญหาผิวหน้าเหี่ยวย่นให้เห็นผลจริง

1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีวิตามินที่จำเป็นต่อผิว

การเลือกกินอาหารที่ประโยชน์ รวมถึงอาหารที่มีวิตามินต่อผิวพรรณ เช่น ผักผลไม้ที่มีวิตามินซี, ธัญพืช และนม ถือเป็นการบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอกเลยก็ว่าได้ วิธีนี้จะช่วยให้ผิวตึงกระชับได้ดี

2. พักผ่อนให้เพียงพอ เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ผิวเหี่ยวย่น

การนอนหลับพักผ่อนมีผลต่อผิวโดยเฉพาะกับคนวัย 30+ เพราะเป็นช่วงที่ผิวเกิดการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะว่าวัยอื่น คนวัยนี้จึงควรพักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะจะทำให้ผิวเกิดการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ นอกจากนี้ต้องเลี่ยงพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อผิว เช่น การสูบบุหรี่, การดื่มแอลกอฮอล์, และการแกะเกา หรือสัมผัสผิวอย่างรุนแรง

3. การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย และร่องลึกบนใบหน้า

การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อลดริ้วรอย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างสม่ำเสมอ มีสารช่วยบำรุงผิว และลดเรือนริ้วรอย เช่น วิตามินซี (Vitamin C), วิตามินอี (Vitamin E), เปปไทด์ (Peptide) และเรตินอล (Retinol) เป็นต้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ควรใช้ต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน

และถ้าพูดถึงผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่สามารถเลือนลดริ้วรอยได้ ขอแนะนำเซรั่มบำรุงผิวหน้าเพื่อสาววัย 40+ อย่าง นีเวีย ลูมินัส630 แอนตี้เอจ แอนด์ สปอต เซรั่ม (NIVEA luminous 630 anti-age & spot serum) ด้วยสารไทอามิดอล (Thiamidol)  สารไบรท์เทนนิ่งที่ทรงประสิทธิภาพพร้อม 2 พลัง ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้ดูกระชับ ลดเลือนริ้วรอยร่องลึก และฝ้าแดดจุดด่างดำสะสม โดยไม่เกิดผลข้างเคียง จัดการได้ลึกถึงต้นตอฟื้นฟูผิวให้ดูสม่ำเสมอ เรียบเนียน อ่อนเยาว์ มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนเข้มข้น สารสกัดจากถั่วเหลือง และ วิตามินอี ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง


4. ปกป้องผิวจากแสงแดด

การทาครีมกันแดดทุกวันก่อนออกจากบ้านช่วยดูแล และปกป้องผิวจากแสงแดด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าเหี่ยวย่นได้ ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และทาแต่เพียงบางๆ ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ


เคล็ด(ไม่)ลับแก้ปัญหาผิวหน้าเหี่ยวย่นให้เห็นผลจริง

5. โยคะผิวหน้า

การโยคะใบหน้าด้วยการอ้าปากค้างในท่า อะ อิ อุ เอะ โอะ ท่าละ 5 วินาที หมั่นทำทุกวัน จะช่วยในเรื่องของการยกกระชับแก้มย้อย ป้องกันผิวหน้าเหี่ยวย่น และช่วยให้ผิวแลดูเต่งตึงมากขึ้น

6. ทำทรีตเมนต์กระชับผิวหน้า

การทำทรีตเมนต์กระชับผิวหน้าด้วยโปรแกรมต่างๆ เช่น การทำทรีตเมนต์หน้าด้วยคลื่นวิทยุ การผลักวิตามินเข้าผิวหน้า, อัลตราซาวด์ยกกระชับผิวและการผลัดผิวด้วยเลเซอร์ ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะมีคุณสมบัติในการกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย และปรับสภาพผิวให้กระชับมากขึ้น


เคล็ด(ไม่)ลับแก้ปัญหาผิวหน้าเหี่ยวย่นให้เห็นผลจริง

7. การทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด

การทำความสะอาดเป็นขั้นตอนสำคัญที่ในการลดสิ่งสกปรกสะสมและตกค้างบนใบหน้า ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิว หรือควรมีค่า pH 4.5 - 6.5 ซึ่งเป็นค่าความเป็นกรดอ่อน ๆ ใกล้เคียงผิวธรรมชาติ

8. มาส์กหน้าจากสมุนไพรธรรมชาติ

การมาส์กหน้าด้วยสมุนไพรธรรมชาติถือเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ทำได้ที่บ้าน สามารถช่วยลดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อทำเป็นประจำ หาส่วนผสมได้จากในครัวเรือน เช่น น้ำผึ้งผสมมะนาวช่วยลดริ้วรอยและสิวอักเสบ สับปะรดผสมมะนาวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นลดริ้วรอย แตงกวาอุดมด้วยวิตามินอีช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง ขมิ้นชันผสมน้ำผึ้งและโยเกิร์ตช่วยให้ผิวกระจ่างใสเปล่งปลั่ง การมาส์กเป็นประจำจะช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดีขึ้น

6 หัตถการรักษาหน้าเหี่ยวย่น แก้หน้าเหี่ยวก่อนวัย

1. ฉีดเมโสหน้าใส

การฉีดเมโสเป็นการนำวิตามินและสารบำรุงต่าง ๆ ฉีดเข้าสู่ผิวชั้นกลางโดยตรง ช่วยเพิ่มคอลลาเจน ฟื้นฟูสภาพผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และทำให้ผิวเปล่งปลั่ง แม้ไม่ได้เป็นการรักษาริ้วรอยโดยตรง แต่ช่วยปรับสภาพผิวให้แข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยเล็กน้อย สามารถฉีดเมโสหน้าใสคู่กับครีมบำรุงผิวที่สามารถลดริ้วรอยบนใบหน้าได้

2. เลเซอร์ลดริ้วรอย

การเลเซอร์ผิว คือ ใช้ความร้อนจากแสงเลเซอร์เพื่อกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างใยคอลลาเจนเป็นอีกวิธีที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ สามารถช่วยลดริ้วรอย ป้องกันใบหน้าเหี่ยวย่นได้ เช่น CO2 Laser หรือ Erbium Laser ซึ่งมีความเข้มข้นและระยะเวลาพักฟื้นแตกต่างกัน ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์หลังการรักษา แต่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น มีค่าใช้จ่ายสูง เสี่ยงผิวบาง ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย

3. ฉีดโบท็อก

โบท็อกเป็นวิธีที่นิยมในการลดริ้วรอยและแก้ปัญหาหน้าเหี่ยว โดยการฉีดสารโบท็อกเพื่อคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้า ทำให้ผิวกลับมาตึงและเรียบเนียน ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคตได้ด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลเร็วและไม่ต้องการการพักฟื้น

4. ฉีดฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid เข้าไปในชั้นผิว เพื่อเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยบนใบหน้า ช่วยให้ผิวเต่งตึง เพิ่มความยืดหยุ่น และปรับโครงสร้างใบหน้าได้ สามารถใช้ในการเสริมโหนกแก้ม เติมร่องแก้ม หรือปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดและต้องการความเป็นธรรมชาติ

5. ร้อยไหม

การร้อยไหมเป็นการใช้เข็มนำเส้นไหมละลายที่มีเงี่ยงสอดลงในชั้นผิวหนัง เพื่อยกผิวที่หย่อนคล้อยและปรับรูปหน้า เห็นผลทันทีหลังทำ ช่วยแก้ปัญหาแก้มตก ผิวหย่อนคล้อย และเสริมกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานหลายเดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่ใช้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันทีและมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ปานกลางถึงมาก แต่มักมีค่าใช้จ่ายสูง ต้องมีเวลาพักฟื้น และไม่คงทน ต้องร้อยใหม่ทุก 1-2 ปี

6. ผ่าตัดดึงหน้า

การผ่าตัดดึงหน้าเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดในการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก ๆ โดยแพทย์จะกำจัดไขมันส่วนเกินและดึงกล้ามเนื้อให้กระชับขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง แต่ต้องมีการพักฟื้นนานและมีความเสี่ยงจากการผ่าตัด พักฟื้นนาน มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานหลายปี เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก

ยิ่งอายุมากขึ้นปัญหาผิวต่าง ๆ เริ่มตามมามากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะผิวหน้าเหี่ยวย่น มีริ้วรอย ผิวหนังหย่นคล้อย จึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลผิวหน้าให้เต่งตึงและดูกระชับอยู่เสมอ และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับวัยและเหมาะกับผิวเพื่อแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ

 

คำถามที่พบบ่อย

  • Q: ทำยังไงให้ผิวหน้าเต่งตึงสดใส
    A: การมีผิวหน้าเต่งตึงสดใสไม่ใช่เรื่องยาก เพียงดูแลตัวเองอย่างเป็นระบบทั้งภายในและภายนอก โดยเริ่มจากการป้องกันผิวจากแสงแดดด้วยครีมกันแดดทุกวัน ร่วมกับการเสริมสร้างคอลลาเจนด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอกจากนี้ การนวดหน้าด้วยน้ำมันธรรมชาติหรือครีมบำรุงผิวจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น และที่สำคัญไม่ควรมองข้ามเรื่องการพักผ่อน ควรนอนหลับให้เพียงพอ 6-7 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมโทรม
  • Q: หน้าเหี่ยวย่นเกิดจากอะไร
    A: ปัญหาผิวหน้าเหี่ยวย่นมักเกิดจากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัย 30+ ที่ร่างกายเริ่มผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ประกอบกับปัจจัยภายนอกอย่างการโดนแสงแดดและมลภาวะโดยตรง ที่ทำให้ผิวแห้งกร้านและขาดความยืดหยุ่น นอกจากนี้ พฤติกรรมการใช้ชีวิตก็มีส่วนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลสูง ความเครียดสะสม รวมถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอที่ทำให้ร่างกายไม่มีเวลาซ่อมแซมเซลล์ผิวในช่วงกลางคืน ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเร่งให้ผิวเหี่ยวย่นเร็วกว่าที่ควร
  • Q: นอนท่าไหนไม่ให้หน้าแก่หน้าเหี่ยวย่น
    A: การนอนที่ถูกท่าถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ โดยท่านอนที่ดีที่สุดคือการนอนหงาย เพราะจะไม่ทำให้ใบหน้าถูกกดทับกับหมอน ซึ่งเป็นสาเหตุของรอยย่นและริ้วรอยก่อนวัย นอกจากนี้ ควรระวังเรื่องอุณหภูมิห้องด้วย โดยไม่ควรเปิดแอร์เย็นจนเกินไป เพราะความเย็นจัดจะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและแห้งกร้านได้ง่าย หากจำเป็นต้องนอนในห้องแอร์เป็นเวลานาน ควรทาครีมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นก่อนนอนเพื่อปกป้องผิวจากความแห้งกร้าน

ทิปส์ที่น่าสนใจสำหรับคุณ