5. ทำทรีตเมนต์
การทำทรีตเมนต์เป็นการดูแลผิวที่ช่วยขจัดปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็น ผิวหมองคล้ำ ผิวเสีย ผิวมีริ้วรอย ซึ่งการฟื้นฟูบำรุง และให้สารอาหารตามความต้องการของผิว จะช่วยสมานผิวและช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำให้ผิวชุ่มชื้นเรียบเนียนขึ้น
6. ผ่าตัดรอยตีนกา
สำหรับคนที่มีริ้วรอยตีนกาลึกมาก ๆ หรือคนที่อายุเริ่มเยอะ สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการผ่าตัดลบรอยตีนกา โดยทำการตัดกล้ามเนื้อบริเวณหางตา ที่เป็นสาเหตุของตีนกา และดึงผิวหนังบริเวณที่เป็นตีนกาให้ตึงขึ้น สามารถเห็นผลว่าผิวเต่งตึง ไม่มีริ้วรอย ได้นานหลายปี แต่ก็จะต้องรับความเสี่ยงในการผ่าตัด
7. คลื่นอัลตร้าซาวน์
เป็นการยิงคลื่นเสียงอัลตร้าซาวน์เข้มข้นสูงเพื่อช่วยยกกระชับผิวโดยใช้ ยิงคลื่นลงไปใต้ชั้นผิวเพื่อให้เนื้อเยื่อหดตัว เพื่อให้ผิวชั้นบนยกกระชับขึ้นตามไปด้วย ช่วยลดริ้วรอยและรอยตีนกาอย่างเห็นผล เป็นนวัตกรรมที่มีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตรายต่อผิวรอบดวงตาและดวงตาโดยไม่ต้องฉีดหรือผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น มีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวเต่งตึงและมีน้ำมีนวลเพิ่มขึ้นได้
8. ใช้คลื่นวิทยุ
เป็นการยิงคลื่นวิทยุความถี่เฉพาะเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ พร้อมทั้งสลายไขมันส่วนเกินบริเวณใบหน้าทำให้ผิวแน่นและกระชับ เป็นเทคโนโลยี ยกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุ โดยสามารถยกกระชับได้ทั้งใบหน้า คอ และลำตัว
5 วิธีป้องกันการเกิดรอยตีนกา
1. ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
รังสี UV จากแสงแดดเป็นศัตรูตัวร้ายของผิว ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงก่อนออกแดดทุกครั้ง และทาซ้ำเป็นระยะ
2. บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
การขาดน้ำเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวแห้งกร้านและเกิดริ้วรอย จึงควรทาครีมบำรุงผิวรอบดวงตาเป็นประจำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการเสียดสี
3. เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคุณภาพ
ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของเรตินอล ไฮยาลูรอนิกแอซิด หรือวิตามินซี สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว
4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
อาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม บรอกโคลี ช่วยในการสร้างคอลลาเจนและปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ
5. หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ
การขยี้ตาแรง ๆ ทำให้ผิวรอบดวงตาเสียหายและเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น
ริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้าเป็นสิ่งที่สามารถดูแลรักษาและป้องกันได้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รวมถึงการใช้ครีม หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า และการทำทรีตเมนท์ต่างๆ สามารถช่วยดูแล ปกป้องผิวหน้าให้คงความงาม สุขภาพดี มีความเรียบเนียนได้โดยไม่ต้องใช้หัถตการทางการแพทย์ เพราะอายุเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหยุดได้ แต่ริ้วรอยสามารถชะลอได้ด้วยตนเอง
คำถามที่พบบ่อย
- Q: ตีนกา เริ่มขึ้นตอนอายุเท่าไร
A: ริ้วรอยตีนกามักจะเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้นเมื่ออายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เกิดขึ้นได้เร็วกว่านั้น เช่น พันธุกรรม การใช้ชีวิตประจำวัน และการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม หากสังเกตเห็นรอยตีนกาเร็วกว่าวัยที่กล่าวมา อาจเกิดจากพฤติกรรม เช่น การสูบบุหรี่ การโดนแสงแดดโดยไม่ป้องกัน หรือการแสดงสีหน้าบ่อยๆ ซึ่งล้วนเร่งให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้ทั้งสิ้น
- Q: ตีนกา หายได้ไหม
A: ริ้วรอยตีนกาสามารถลดเลือนได้ โดยมีหลายวิธีในการรักษา เช่น การฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เลเซอร์ หรือการผ่าตัด แต่การหายขาดสนิทนั้นค่อนข้างยาก ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ ความลึกของริ้วรอย และวิธีการรักษาที่เลือกใช้ นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทาครีมกันแดด และการใช้ครีมบำรุงผิว ก็ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและรักษาสภาพผิวให้ดีขึ้นได้เช่นกัน
- Q: ทำไมถึงเรียกว่า ตีนกา
A: "ตีนกา" เป็นคำเปรียบเปรยที่ใช้เรียกริ้วรอยหรือรอยย่นรอบดวงตา โดยเฉพาะเวลายิ้มหรือขยับกล้ามเนื้อบริเวณนั้นบ่อยๆ ลักษณะของริ้วรอยจะเป็นเส้นแฉกคล้ายนิ้วเท้าของนกกา จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกนี้ ซึ่งสอดคล้องกับภาษาอังกฤษที่เรียกว่า "crow's feet" สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวตามวัยที่ทำให้เกิดริ้วรอยมากขึ้น
- Q: มีวิธีไหนลดรอยตีนกาได้บ้าง
A: วิธีในการลดเลือนริ้วรอยตีนกาและบริเวณรอบดวงตามีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การใช้ครีมบำรุงผิวเฉพาะจุด การฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ การทำเลเซอร์ การใช้คลื่นอัลตราซาวด์หรือคลื่นวิทยุ ไปจนถึงการทำศัลยกรรมผ่าตัดดึงริ้วรอย ซึ่งก่อนตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พิจารณาถึงสภาพผิว งบประมาณ และความเสี่ยงให้ดีเสียก่อน