วิธีแก้รอยตีนกาเลือนหาย ดูเยาว์วัยขึ้นกว่าเดิม

วิธีแก้รอยตีนกา เลือนหาย ดูเยาว์วัยขึ้นกว่าเดิม

สัญญาณของผิวที่ทำให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย เช่น ริ้วรอยหมองคล้ำ ผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ ริ้วรอย ร่องตื้น และร่องลึกบนใบหน้า รวมถึงริ้วรอยตีนกา เป็นอีกปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อมีอายุมากขึ้น ซึ่งปัญหาริ้วรอยตีนกาที่กวนใจสาว ๆ สามารถดูแลและป้องกันได้

สารบัญบทความ

  • ตีนกา คืออะไร
  • รอยตีนกาเกิดบริเวณไหนได้บ้าง?
  • รอยตีนกา เกิดจากอะไร?
  • 8 วิธีรักษาตีนกา และป้องกันริ้วรอยรอบดวงตา
  • 5 วิธีป้องกันการเกิดตีนกา
  • คำถามที่พบบ่อย

ตีนกา คืออะไร


วิธีแก้รอยตีนกาเลือนหาย ดูเยาว์วัยขึ้นกว่าเดิม

ตีนกาคือ ริ้วรอยบริเวณหางตา มีลักษณะเป็นเส้นขีดเล็ก ๆ เกิดขึ้นได้จากอายุที่มากขึ้น และตามการเสื่อมสภาพของผิวหนัง เห็นได้ชัดเวลาแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม หรือหัวเราะ โดยรอยตีนกาสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

  • รอยตีนกาชนิดตื้น จะเริ่มจากผิวบริเวณที่โดนแดดมาก ๆ ผิวบนชั้นหนังกำพร้าที่บางกว่าจุดอื่น ๆ
  • รอยตีนกาชนิดลึก เกิดจากความหย่อนคล้อยของโครงสร้างผิวในชั้นหนังแท้ และจากรอยตีนกาตื้น ๆ หากไม่แก้ไขหรือดูแล ริ้วรอยจะกลายเป็นร่องลึกขึ้นเรื่อย ๆ ยากต่อการรักษา

รอยตีนกาเกิดบริเวณไหนได้บ้าง?

รอยตีนกา มักพบบริเวณที่มักถูกแสงแดดมากๆ เช่น ใบหน้า คอ หลังมือ แขน ยิ่งในจุดที่ผิวบางก็จะเกิดริ้วรอยได้ง่าย ซึ่งรอยตีนกา ไม่ได้หมายถึงร่องลึกที่หางตาแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีริ้วรอยบริเวณอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้น ได้แก่

  • รอยย่นหน้าผาก
  • รอยย่นระหว่างคิ้ว หรือตีนกาหัวคิ้ว
  • ริ้วรอยหางตา รอบดวงตา
  • ริ้วรอยร่องแก้ม ร่องมุมปาก
  • รอยย่นสันจมูก

รอยตีนกา เกิดจากอะไร?

รอยตีนกาที่เกิดบนใบหน้านั้นสามารถเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ดังนี้


วิธีแก้รอยตีนกาเลือนหาย ดูเยาว์วัยขึ้นกว่าเดิม

1. อายุที่เพิ่มมากขึ้น

รอยตีนกาเกิดจากอายุที่มากขึ้น เป็นสาเหตุหลักที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากการที่อายุมากขึ้น ทำให้คอลลาเจนอีลาสติน ความยืดหยุ่น ความแข็งแรงของผิวลดลง ทำให้ผิวอ่อนแอ ขาดความชุ่มชื้น และเกิดรอยพับ ริ้วรอย ตีนกาตามธรรมชาติ


วิธีแก้รอยตีนกาเลือนหาย ดูเยาว์วัยขึ้นกว่าเดิม

2. การแสดงอารมณ์บนใบหน้า

การแสดงสีหน้าไม่ว่าจะเป็นความเครียด การยิ้ม หรือการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ที่มีการแสดงออกบนใบหน้า ทำให้ผิวเกิดการพับ เมื่อเกิดการพับในจุดเดิมซ้ำ ๆ ก็จะกลายเป็นริ้วรอย เช่น การยิ้มตาหยี, การขมวดคิ้ว, การเพ่ง, รวมถึงการเลิกคิ้ว ผิวจะพับตัว และเกิดเป็นรอยลึกลงไปตามกาลเวลา

3. แสงแดด และมลภาวะ

รังสี UVA และ UVB ในแสงแดด จะทำลายเซลล์ผิว และทำให้ผิวแห้ง คล้ำเสีย รวมไปถึงมลภาวะต่างๆ เช่น ฝุ่น สภาพอากาศ สามารถที่ทำให้ผิวเปราะบาง อ่อนแอลง และเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ใบหน้าเกิดริ้วอยหรือรอยย่นใด้เช่นกัน


วิธีแก้รอยตีนกาเลือนหาย ดูเยาว์วัยขึ้นกว่าเดิม

8 วิธีรักษาดูแล และรักษาริ้วรอยรอบดวงตา

การป้องกันและรักษารอยตีนกา และริ้วรอยรอบดวงตา สามารถทำได้ดังนี้

1. ฉีดโบท็อกลดรอยตีนกา

เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากเพราะได้ผลลัพธ์ดี ฉีดแล้วรอยตีนกาและริ้วรอยจางลงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังสามารถลดริ้วรอยในจุดอื่น ๆ เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยย่นจมูก ทำให้ผิวเต่งตึงกระชับ ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น โดยผิวจะเริ่มตึงใน 3-4 วัน หลังฉีด เห็นผลชัดเจนใน 2 สัปดาห์


วิธีแก้รอยตีนกาเลือนหาย ดูเยาว์วัยขึ้นกว่าเดิม

2. ครีมลดรอยตีนกา

การทาครีมลดรอยตีนกา เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และสามารถทำได้ด้วยตัวเองได้ที่บ้าน เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูง ค่อนข้างความปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์ได้จริงในการลดเลือนรอยตีนกาบนใบหน้าเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่แล้วครีมที่ใช้ลดเลือนริ้วรอยตีนกาจะมีส่วนผสมของเรตินอยด์ หรือเตรติโนอิน (Tretinoin) เพื่อใช้ในการลดเลือนริ้วรอย โดยจะช่วยกระตุ้นให้มีการผลัดผิวใหม่ซึ่งมีประสิทธิภาพลดริ้วรอยชนิดตื้นเท่านั้น ไม่สามารถลดริ้วรอยร่องลึกได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดริ้วรอยบริเวณใบหน้าควบคู่ไปกับครีมลดรอยตีนกา หรือริ้วรอยบริเวณดวงตา เพื่อช่วยให้หน้าดูอ่อนเยาว์ไร้ริ้วรอย อย่าง นีเวีย ลูมินัส630 แอนตี้ เอจ แอนด์ สปอร์ต เซรั่ม (NIVEA LUMINOUS630 ANTI-AGE & SPOT SERUM) เป็นเซรั่มบำรุงผิว ช่วยดูแลริ้วรอยบนใบหน้าที่ผสาน 2 พลัง ด้วยสาร ลูมินัส630 เอกสิทธิ์เฉพาะจากนีเวีย และไฮยาลูรอนเข้มข้น ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและฝ้าแดดสะสม พร้อมช่วยให้ลดเติมริ้วรอยร่องลึก ฟื้นบำรุงผิวให้ดูกระชับแน่น พร้อมทั้งสีผิวดูสม่ำเสมอ เรียบเนียน อ่อนเยาว์ ด้วยสาร ลูมินัส630 เอกสิทธิ์เฉพาะจากนีเวีย


3. ฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มรอยตีนกา

การฉีดฟิลเลอร์ลดรอยตีนกา เหมาะกับคนที่มีร่องริ้วรอยร่องลึก เกิดจากการยุบตัวของเนื้อเยื่อ ไขมัน หรือกระดูก จึงไม่สามารถแก้ไขได้โดยใช้โบท็อกเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์ฉีดเสริมในผิวชั้นลึก เพื่อยกพยุงผิวให้กลับมาเต่งตึง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้มากขึ้น โดยการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้ด้วยเช่นกัน

4. เลเซอร์ลดรอยตีนกา

การยิงเลเซอร์ที่ผิวเพื่อรอยตีนกา จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ริ้วรอยค่อย ๆ จางลง แต่จะได้ผลกับตีนกาหรือรอยย่นที่ไม่ลึกมาก และต้องทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้เห็นผลชัดเจน โดยเลเซอร์มีอยู่หลายแบบ ควรเลือกใช้เครื่องที่ได้มาตรฐาน ให้เหมาะกับปัญหาและความต้องการ ถ้าเจอเครื่องเลเซอร์ที่ไม่ได้คุณภาพ อาจทำให้ผิวไหม้ หรือได้รับอันตรายอื่น ๆ เพราะไม่สามารถควบคุมพลังงานของเครื่องได้


วิธีแก้รอยตีนกาเลือนหาย ดูเยาว์วัยขึ้นกว่าเดิม

5. ทำทรีตเมนต์

การทำทรีตเมนต์เป็นการดูแลผิวที่ช่วยขจัดปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็น ผิวหมองคล้ำ ผิวเสีย ผิวมีริ้วรอย ซึ่งการฟื้นฟูบำรุง และให้สารอาหารตามความต้องการของผิว จะช่วยสมานผิวและช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำให้ผิวชุ่มชื้นเรียบเนียนขึ้น

6. ผ่าตัดรอยตีนกา

สำหรับคนที่มีริ้วรอยตีนกาลึกมาก ๆ หรือคนที่อายุเริ่มเยอะ สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการผ่าตัดลบรอยตีนกา โดยทำการตัดกล้ามเนื้อบริเวณหางตา ที่เป็นสาเหตุของตีนกา และดึงผิวหนังบริเวณที่เป็นตีนกาให้ตึงขึ้น สามารถเห็นผลว่าผิวเต่งตึง ไม่มีริ้วรอย ได้นานหลายปี แต่ก็จะต้องรับความเสี่ยงในการผ่าตัด

7. คลื่นอัลตร้าซาวน์

เป็นการยิงคลื่นเสียงอัลตร้าซาวน์เข้มข้นสูงเพื่อช่วยยกกระชับผิวโดยใช้ ยิงคลื่นลงไปใต้ชั้นผิวเพื่อให้เนื้อเยื่อหดตัว เพื่อให้ผิวชั้นบนยกกระชับขึ้นตามไปด้วย ช่วยลดริ้วรอยและรอยตีนกาอย่างเห็นผล เป็นนวัตกรรมที่มีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตรายต่อผิวรอบดวงตาและดวงตาโดยไม่ต้องฉีดหรือผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น มีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวเต่งตึงและมีน้ำมีนวลเพิ่มขึ้นได้

8. ใช้คลื่นวิทยุ

เป็นการยิงคลื่นวิทยุความถี่เฉพาะเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ พร้อมทั้งสลายไขมันส่วนเกินบริเวณใบหน้าทำให้ผิวแน่นและกระชับ เป็นเทคโนโลยี ยกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุ โดยสามารถยกกระชับได้ทั้งใบหน้า คอ และลำตัว

5 วิธีป้องกันการเกิดรอยตีนกา

1. ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ

รังสี UV จากแสงแดดเป็นศัตรูตัวร้ายของผิว ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงก่อนออกแดดทุกครั้ง และทาซ้ำเป็นระยะ

2. บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ

การขาดน้ำเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวแห้งกร้านและเกิดริ้วรอย จึงควรทาครีมบำรุงผิวรอบดวงตาเป็นประจำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการเสียดสี

3. เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคุณภาพ

ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของเรตินอล ไฮยาลูรอนิกแอซิด หรือวิตามินซี สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว

4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

อาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม บรอกโคลี ช่วยในการสร้างคอลลาเจนและปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ

5. หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ

การขยี้ตาแรง ๆ ทำให้ผิวรอบดวงตาเสียหายและเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น

ริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้าเป็นสิ่งที่สามารถดูแลรักษาและป้องกันได้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รวมถึงการใช้ครีม หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า และการทำทรีตเมนท์ต่างๆ สามารถช่วยดูแล ปกป้องผิวหน้าให้คงความงาม สุขภาพดี มีความเรียบเนียนได้โดยไม่ต้องใช้หัถตการทางการแพทย์ เพราะอายุเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหยุดได้ แต่ริ้วรอยสามารถชะลอได้ด้วยตนเอง

คำถามที่พบบ่อย

  1. Q: ตีนกา เริ่มขึ้นตอนอายุเท่าไร
    A: ริ้วรอยตีนกามักจะเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้นเมื่ออายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เกิดขึ้นได้เร็วกว่านั้น เช่น พันธุกรรม การใช้ชีวิตประจำวัน และการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม หากสังเกตเห็นรอยตีนกาเร็วกว่าวัยที่กล่าวมา อาจเกิดจากพฤติกรรม เช่น การสูบบุหรี่ การโดนแสงแดดโดยไม่ป้องกัน หรือการแสดงสีหน้าบ่อยๆ ซึ่งล้วนเร่งให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้ทั้งสิ้น
  2. Q: ตีนกา หายได้ไหม
    A: ริ้วรอยตีนกาสามารถลดเลือนได้ โดยมีหลายวิธีในการรักษา เช่น การฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เลเซอร์ หรือการผ่าตัด แต่การหายขาดสนิทนั้นค่อนข้างยาก ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ ความลึกของริ้วรอย และวิธีการรักษาที่เลือกใช้ นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทาครีมกันแดด และการใช้ครีมบำรุงผิว ก็ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและรักษาสภาพผิวให้ดีขึ้นได้เช่นกัน
  3. Q: ทำไมถึงเรียกว่า ตีนกา
    A: "ตีนกา" เป็นคำเปรียบเปรยที่ใช้เรียกริ้วรอยหรือรอยย่นรอบดวงตา โดยเฉพาะเวลายิ้มหรือขยับกล้ามเนื้อบริเวณนั้นบ่อยๆ ลักษณะของริ้วรอยจะเป็นเส้นแฉกคล้ายนิ้วเท้าของนกกา จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกนี้ ซึ่งสอดคล้องกับภาษาอังกฤษที่เรียกว่า "crow's feet" สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวตามวัยที่ทำให้เกิดริ้วรอยมากขึ้น
  4. Q: มีวิธีไหนลดรอยตีนกาได้บ้าง
    A: วิธีในการลดเลือนริ้วรอยตีนกาและบริเวณรอบดวงตามีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การใช้ครีมบำรุงผิวเฉพาะจุด การฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ การทำเลเซอร์ การใช้คลื่นอัลตราซาวด์หรือคลื่นวิทยุ ไปจนถึงการทำศัลยกรรมผ่าตัดดึงริ้วรอย ซึ่งก่อนตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พิจารณาถึงสภาพผิว งบประมาณ และความเสี่ยงให้ดีเสียก่อน

ทิปส์ที่น่าสนใจสำหรับคุณ