1. อายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนลดลงปีละ 1% ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ไม่เต่งตึงเหมือนก่อน เกิดริ้วรอยและความเหี่ยวย่นเข้ามา รวมไปถึงการสมานตัวของแผลก็ช้าลงไปด้วย พออายุเข้าเลข 4 การสร้างคอลลาเจนในร่างกายจะลดลงเหลือเพียง 30% เท่านั้น

2. ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง
ทำงานได้ไม่เต็มที่เหมือนก่อน เช่น คนที่นอนหลับไม่สนิท พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ฮอร์โมนเมลาโทนินและโกรทฮอร์โมนไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ร่างกายไม่ได้รับการฟื้นฟูที่พอเพียง เพราะฉะนั้นควรเข้านอนก่อนเวลา 23.00 น. และนอนอยู่ที่ 6-8 ชั่วโมง

1. แสงแดด
ตัวการทำลายชั้นผิวเพราะมีทั้งรังสี UVA และ UVB ทำลายคอลลาเจนในผิวให้แห้งเหี่ยว หยาบกร้านและคล้ำเสีย บางคนได้กระฝ้าตามมาอีกด้วย

2. มลพิษทางอากาศ และฝุ่น PM 2.5 
กระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ทั้งทางอากาศและผิวหนัง หลายคนที่ไม่เคยป่วย ก็มีโอกาสเป็นได้ โดยสารที่อยู่ในฝุ่น เช่น โลหะหนัก ปรอท แคดเมียม อนุมูลเล็กๆ และสารอื่นๆ สามารถแพร่กระจายสู่สู่อวัยวะภายในร่างกายได้ จะทำให้เกิดผลเสียตามมาอีกมากมายนั่นเอง

3. การดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน 
จะทำให้เกิดการปลดปล่อยของเหลวออกมา ทั้งในรูปแบบปัสสาวะ และขับสารอาหารสำคัญอื่นๆ ออกมาอีกด้วย เมื่อมีของเหลวออกจากร่างกายมากเกินไป ทำให้ผิวแห้งโทรม

4. การสูบบุหรี่
นอกจากจะไม่ดีต่อปอดแล้ว ยังไปขัดขวางระบบไหลเวียนของเลือด ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวแห้ง ขาดความกระชับและหมองคล้ำลงอีกด้วย

5. ลดน้ำหนักผิดวิธีและเร็วเกินไป
แม้จะผอมแล้วแต่ก็มีปัญหาผิวย้วย เพราะร่างกายขาดทั้งโปรตีนและน้ำ ทำให้ไขมันสลาย แต่กล้ามเนื้อไม่ได้สร้างขึ้นแทนไขมัน ผิวบริเวณนั้นจึงไม่กระชับเรียบเนียนนั่นเอง

1. รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง 
เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาดีน ปลาทูน่า เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทรุดโทรมในร่างกาย ลดริ้วรอยแห่งวัย ด้วยอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูง เช่น ฟักทอง แครอท

2. ทาครีมกันแดด 
เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ไม่ให้ผิวมีริ้วรอยเหี่ยวย่นและแก่ก่อนวัย หลีกเลี่ยงแสงแดดได้โดยการใส่หมวกกางร่ม สวมใส่เสื้อผ้าแขน-ขายาวจะยิ่งดี โดยทั่วไปครีมกันแดดจะอยู่ได้เพียง 4 – 6 ชั่วโมง หากทาในตอนเช้าแล้ว ระหว่างวันจำเป็นต้องออกไปเผชิญแดด แนะนำให้ทาซ้ำ เพื่อป้องกันแสงแดดทำร้ายผิว

3. ครีมลดริ้วรอย 
ทาครีมที่มีส่วนผสมในการช่วยลดริ้วรอยมากยิ่งขึ้น เช่น ครีมบำรุงผิวที่มีวิตามินสูงๆ และผสานสารกันแดด เพื่อสร้างเกราะป้องกันผิว อีกทั้งยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย พร้อมบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื่น ทั้งนี้ควรเลือก ครีมทาหน้าลดริ้วรอยที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่ผสมสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ที่สำคัญดูแลผิวหน้าแล้วอย่าลืมทาครีมบำรุงผิวกายกันด้วย เพราะผิวกายก็แก่ก่อนวัยได้เช่นกัน

นีเวีย เอ็กซ์ตร้า ไบรท์ 10 ซูเปอร์ วิตามิน แอนด์ สกิน ฟู้ด บอดี้ เซรั่ม ยูธ โพรเทค สูตรใหม่ อัพผิวดูอ่อนเยาว์ อิ่มฟู ดูกระจ่างใส เรียบเนียน และดูกระชับ ใน 5 วัน เซรั่มบำรุงผิวกายที่อัดแน่นวิตามินซี 150 เท่า ช่วยลดเลือนจุดด่างดำฝังลึกแก้ยาก อีกทั้งอุดมไปด้วยวิตามินและอาหารผิวมากถึง 10 ชนิด ได้แก่ วิตามินซี, เอ, ไนอาซินาไมด์, โปรบี-5, บี9 และอี ช่วยฟื้นบำรุงผิวที่หมองคล้ำและแห้งกร้าน รวมถึงสารสกัดจากโกลเดนฟรุต ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์

4. ดูแลผิวรอบดวงตา ริ้วรอย
รอยบริเวณรอบดวงตา ริ้วรอย รอยบวม รอยคล้ำรอบดวงตา มักเกิดขึ้นได้ง่าย เมื่อคุณอายุมากขึ้น นอกจากการทาอายครีมแล้ว สามารถใช้ช้อนแช่เย็นประคบตาเช้าเย็น จะช่วยให้อาการบวมรอบดวงตาดีขึ้นได้

5. ดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวัน  
ชดเชยน้ำที่สูญเสียและเพื่อให้ผิวเต่งตึง สดใส แต่ถ้าใครอยากเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถบีบมะนาวลงไป เพื่อช่วยชะลอวัยให้ผิว ลดริ้วรอยได้อีกด้วยนะ

สรุป

ผิวเหี่ยวก่อนวัย เป็นอีกปัญหาผิวที่น่ากลุ้มใจสำหรับหลายๆ คน แต่ก็สะท้อนให้เห็นได้ว่า เราอาจจะละเลยหรือใช้ชีวิตที่ทำร้ายผิวอยู่ก็ได้ เพราะฉะนั้นมาเริ่มดูแลตัวเอง ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจปัญหาผิวอย่างต่อเนื่อง เชื่อสิว่า ผิวจะฟื้นฟูอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน